วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม – วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม
กดเพื่อฟังบทภาวนา>> “ผู้พิชิต (The Finisher)”
วันที่จันทร์ 6 บทอ่านจากพระคัมภีร์ ผู้วินิจฉัย 3
วันอังคารที่ 7 บทอ่านจากพระคัมภีร์ ผู้วินิจฉัย 4
วันพุธที่ 8 บทอ่านจากพระคัมภีร์ ผู้วินิจฉัย 5
วันพฤหัสบดีที่ 9 บทอ่านจากพระคัมภีร์ ผู้วินิจฉัย 6
วันศุกร์ที่ 10 บทอ่านจากพระคัมภีร์ ผู้วินิจฉัย 7
วันเสาร์ที่ 11 บทอ่านจากพระคัมภีร์ สุภาษิต 17
วันอาทิตย์ที่ 12 บทอ่านจากพระคัมภีร์ ผู้วินิจฉัย 8
สัปดาห์ที่ 3 “สตรีที่เต็มใจให้พระเจ้าทรงใช้”
ผู้วินิจฉัย 4:4-9; 5:24-27,31
วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม – วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม
โลกในช่วง 10-20 ปีมานี้ คือยุคที่สตรีต่างลุกขึ้นมาทำงานอย่างกว้างขวางมากขึ้น ไม่ว่าจะในวงการ การเมืองระดับประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี ซีอีโอ ผู้ก่อตั้งบริษัท องค์กร ผู้นำด้านวิจัย การศึกษา วิทยาศาสตร์ การแพทย์ การค้นพบสิ่งใหม่ๆ ผู้นำด้านสื่อสารมวลชน งานด้านการอนุรักษ์ การเรียกร้องสิทธิ์อันควรจะได้รับ สตรีล้วนแต่มีบทบาททั้งสิ้น
ในหนังสือผู้วินิจฉัย บทที่ 4-5 ช่วยให้เราเห็นภาพผู้นำหญิงสองคนที่เต็มใจให้พระเจ้าทรงใช้
ซึ่งจากหลายบุคคลในสองบทนี้ จะคัดเรื่องราว 5 คน มาเรียนรู้ด้วยกัน
เมื่อสิ้นยุคสมัยโยชูวา ประชากรของพระเจ้าก็ละทิ้งพระเจ้า ทำตามใจตัวเอง “ทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์อีก” (ผนฉ.4:1) พระเจ้าทรงอนุญาตให้ เกิดการข่มเหงอย่างหนักหน่วง จาก ยาบิน กษัตริย์ชาวคานาอัน
โดยส่งแม่ทัพชื่อ สิเสรา พร้อมรถรบเหล็ก 900 คัน เพื่อต่อสู้คนอิสราเอล
สองคนแรกที่กล่าวถึงคือศัตรู ได้แก่ยาบิน และ สิเสรา อีกสามคนที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นคนของพระเจ้า ได้แก่ คนที่หนึ่ง เดโบราห์ สอง บาราค และ สาม
ยาเอล มีผู้หญิงสองคน ผู้ชายหนึ่งคน
เดโบราห์ แปลว่า “ผึ้ง” พระคัมภีร์ว่าเธอเป็นผู้เผยพระวจนะ เป็นผู้วินิจฉัย และ เป็นภรรยา (4:4) ชีวิตเธอก็เปรียบเสมือนผึ้งงานของพระเจ้า รับใช้อย่างขยันขันแข็ง เธอตัดสินความที่ใต้ต้นอินทผลัม แสดงให้เห็นว่าเธอออกไปข้างนอก อยู่ท่ามกลางประชาชน เพื่อรับใช้พระเจ้า พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า เธอเป็น “มารดาของอิสราเอล” (5:7) อาจจะหมายถึงผู้ที่ดูแลประชากรในช่วงเวลานั้น ช่วงชีวิตที่เธอรับใช้พระเจ้า ศัตรูทั้งสิ้นก็พินาศไป เธอเป็นผู้นำหญิงแกร่ง รบเคียงบ่าเคียงไหล่ กับเหล่าทหารกล้า เธอคงจะสำแดงความยุติธรรม ความชอบธรรมในการตัดสิน แผ่นดินอยู่อย่างสงบสุขอยู่ถึง 40 ปี
ครั้นเมื่อศัตรูข่มเหงหนัก เดโบราห์ส่งคนไปเรียก “บาราค” ชื่อเขา แปลว่า “สายฟ้า” และบอกว่า พระเจ้าทรงบัญชา ให้ท่านรวบรวมทหาร 10,000 คน ให้ไปรบ ส่วนเดโบราห์ จะชักนำสิเสราแม่ทัพของยาบิน ให้มาพบกับบาราคที่แม่น้ำคีโชน พร้อมกับรถรบและกองทหารของเขา และพระเจ้าจะมอบเขาไว้ ในมือของเจ้า
บาราค กลับตอบ เดโบราห์ ว่า “ถ้าท่านไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไป ถ้าท่านไม่ไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่ไป” ทั้งๆ ที่ชื่อสายฟ้า น่าจะตอบรับการ
รับใช้พระเจ้าอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีข้อแม้ เงื่อนไขพึ่งคนของพระเจ้า เดโบราห์ จึงตอบ บาราค ว่า “ฉันจะไปกับท่านแน่ แต่ว่าทางที่ท่านไป จะทำให้ท่านไม่ได้รับเกียรติ เพราะว่าพระยาห์เวห์จะขายสิเสราไว้ในมือของหญิงคนหนึ่ง”
หญิงคนสุดท้ายที่จะได้ใคร่ครวญบทเรียนจากชีวิตเธอ คือ ยาเอล
ชื่อของเธอแปลว่า “แพะภูเขา” เธอเป็นหญิงชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่โด่งดังอะไร แต่เต็มใจรับใช้พระเจ้า แม้การไปจัดการฆ่า หัวหน้ากองทัพคานาอันน่าจะเป็นของผู้ชาย แต่เธอกลับเป็นผู้นำชัยชนะมายังชนชาติของพระเจ้า ในบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า ได้มีท่อนที่ยกย่องยาเอลว่า “หญิงที่น่าสรรเสริญที่สุดก็คือ ยาเอล .. นางน่าสรรเสริญที่สุด เขาขอน้ำ เธอก็ให้น้ำนม เธอเอานมข้นใส่ชามอย่างดี มายื่นให้ เธอเอื้อมมือหยิบหลักเต็นท์ มือขวาของเธอฉวยค้อนใหญ่
เธอตอกสิเสราเข้าทีหนึ่ง .. เขาทรุดตัวล้มลง แน่นิ่งแทบเท้าของนาง .. ที่นั่นเขาล้มลงตาย” จากเรื่องราวทั้งหมด ดูเหมือนจะเป็นภาพโศกนาฏกรรมที่รุนแรง แต่ทั้งสิ้นนี้ พระเจ้าทรงทำให้เราเห็น แบบอย่างจากสุภาพสตรีทั้งสองท่าน ที่เด็ดเดี่ยว กล้าหาญ เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า รับใช้พระเจ้าอย่างขยันขันแข็ง ทำหน้าที่ เดโบราห์เผยพระวจนะ วินิจฉัย และเป็นภรรยา ส่วนยาเอล ชาวบ้านธรรมดา ไม่มีชื่อเสียง แต่รับใช้จนน่ายกย่องสรรเสริญจากผู้รับใช้พระเจ้า
ส่วนบทเรียนจาก บาราค ชายชาติทหาร ไม่ได้รับเกียรติที่ควรจะได้รับ เนื่องจากปฏิเสธการทรงเรียก ไม่ออกไปรับใช้พระเจ้าในทันที ตามการทรงเรียกที่พระเจ้าบัญชานั้น
พี่น้องที่รัก เราสามารถรับใช้พระเจ้า ตามบริบทของเรา ทั้งด้านครอบครัว คริสตจักร ชุมชน สังคน การทำงานในชีวิตประจำวัน ในวันนี้พระเจ้ากำลังตรัสอะไรในใจของท่าน และ ข้าพเจ้า
หัวข้ออธิษฐาน
อธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับผู้คนรอบข้าง และพันธกิจต่างๆ ในครอบครัว คริสตจักร ชุมชน รวมถึงผู้นำในทุกภาคส่วน
