March 24, 2023

สัปดาห์ที่ 7 : บทภาวนาเทศกาลเข้าถึงธรรมและอีสเตอร์

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน- วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน


กดเพื่อฟังบทภาวนา>> “ผู้พิชิต (The Finisher)”

วันที่จันทร์ 3 บทอ่านจากพระคัมภีร์  มัทธิว 22

วันอังคารที่ 4 บทอ่านจากพระคัมภีร์ มัทธิว 23

บทอ่านจากพระคัมภีร์ มัทธิว 24

วันพุธที่ 5 บทอ่านจากพระคัมภีร์  มัทธิว 25

วันพฤหัสบดีที่ 6 บทอ่านจากพระคัมภีร์ มัทธิว 26

วันศุกร์ที่ 7 บทอ่านจากพระคัมภีร์ มัทธิว 27

วันเสาร์ที่ 8 บทอ่านจากพระคัมภีร์  สดุดี 118

วันอาทิตย์ที่ 9 บทอ่านจากพระคัมภีร์ มัทธิว 28

 

สัปดาห์ที่ 7  “ถึงเส้นชัย… ในพระเยซู 

มัทธิว 28:1-10 

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน – วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน 

 

นับตั้งแต่ที่อาดัมและเอวาไม่เชื่อฟังพระเจ้า ความตายซึ่งเป็นผลของการไม่เชื่อฟังนั้นครอบงำชีวิตมนุษย์และโลกทุกด้าน ความสัมพันธ์ระหว่าง พระเจ้าองค์บริสุทธิ์กับมนุษย์คนบาปถูกตัดขาด มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงพระเจ้า รู้จักและมีความสัมพันธ์ที่ดีดังเดิม ด้วยการไม่เชื่อฟังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันก็ไม่ราบรื่น มนุษย์เห็นแก่ตัวเอง ทำร้ายกันและกัน อย่างไรก็ตามความปรารถนาของเราคือที่จะได้กลับคืนสู่พระเจ้า พ้นจากอำนาจของความตายและได้พบกับความสุขแท้อีกครั้งหนึ่ง เหมือนดังที่อาจารย์เปาโลได้กล่าวไว้ในโรม 8:22-23 ว่า “เรารู้อยู่ว่าสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมดนั้นกำลังคร่ำครวญด้วยกัน และเจ็บปวดแบบหญิงคลอดลูกมาจนทุกวันนี้ และไม่ใช่เท่านั้น แต่เราเองด้วย  ผู้ได้รับพระวิญญาณเป็นผลแรก ตัวเราเองยังคร่ำครวญคอยการที่ พระเจ้าจะทรงให้มีฐานะเป็นบุตร คือที่จะทรงไถ่กายของเรา” แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถที่จะทำให้ความปรารถนานี้สำเร็จได้ด้วยตัวของเราเอง แม้เราจะพยายามสร้างสมคุณงามความดีมากเพียงใดก็ตาม เราก็ยังดีไม่ครบถ้วน  หรือได้ตั้งใจถือรักษาศีล กฏบัญญัติทางศาสนาอย่างเคร่งครัด เราก็ยังทำไม่ครบถ้วน ในสายพระเนตรของพระเจ้า ทุกคนทำบาป เสื่อมจากพระสิริของ พระเจ้า ไม่มีใครเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว (โรม 3:23,10) 

พระเจ้าได้ทรงเปิดเผยแผนการทรงไถ่มนุษย์ให้รอดตั้งแต่เดิมแล้วในปฐมกาล 3:15 พระเจ้าตรัสถึงพงศ์พันธ์ของหญิงซึ่งหมายถึงพระเยซูคริสต์ จะเป็นผู้นั้นที่จะเป็นค่าไถ่ แผนงานของพระเจ้านั้นทรงกระทำผ่านชนชาติอิสราเอล โดยทรงเรียกอับราฮัมให้เป็นต้นตระกูล พระองค์ทรงทำพันธสัญญากับเขาและลูกหลาน พระเจ้าจะทรงเป็นพระเจ้าของเขาและพวกเขาจะเป็นประชากรของพระองค์ พวกเขามีหน้าที่นำพรไปถึงคนทั้งโลก ซึ่งหมายถึงการที่พวกเขาจะประกาศให้คนทั่วโลกได้รู้จักพระเจ้า เชื่อในพระองค์ รับความรอดจาก 

พระองค์ (ปฐก.12.1-3 “พระเจ้าตรัสแก่อับรามว่า “เจ้าจงออกจากเมือง  จากญาติพี่น้อง จากบ้านบิดาของเจ้าไปยังดินแดนที่เราจะบอกให้เจ้ารู้ เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรแก่เจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป แล้วเจ้าจะช่วยให้ผู้อื่นได้รับพร เราจะอำนวยพรแก่คนที่อวยพรเจ้า เราจะสาปคนที่แช่งเจ้า บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า”) จากอับราฮาม พงศ์พันธุ์ของเขาสืบเนื่องเรื่อยมาอิสอัค ยาโคบ อิสราเอล 12 เผ่า เผ่ายูดาห์
ถูกเลือกสรรให้เป็นเชื้อสายของพระเมสสิยาห์ ผู้ช่วยให้รอด กษัตริย์ดาวิด มาจากเผ่านี้ เชื้อสายของพระองค์เรื่อยมาจนถึงโยเซฟและพระเยซูคริสต์  (ดูลำดับพงศ์ได้จากมัทธิว 1:1-17) 

ในฟิลิปปี 2:5-8 อาจารย์เปาโลกล่าวว่า “….พระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ แต่ได้กลับทรงสละและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน” พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า ทรงเป็นผู้ที่พระเจ้าเจิมตั้งไว้ให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอด (พระเมสสิยาห์หรือพระคริสต์) ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ได้พยากรณ์เกี่ยวกับพระคริสต์ไว้ใน อิสยาห์ 53 บางข้อได้กล่าวไว้ว่า “ ….ท่านถูกดูหมิ่นและถูกทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความทุกข์ยาก และเป็นดั่งผู้ซึ่งคนทั้งหลายหันหน้าหนี ท่านถูกดูหมิ่น และเราไม่ได้นับถือท่าน แน่ทีเดียวท่านแบกความเจ็บไข้ของพวกเรา และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นพวกเรายังคิดว่าที่ท่านถูกตี คือถูกพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ แต่ท่านถูกแทงเพราะความทรยศของเรา ท่านบอบช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนที่ตกบนท่านนั้นทำให้พวกเรามีสวัสดิภาพ และที่ท่านถูกเฆี่ยนตีก็ทำให้เราได้รับการรักษา เราทุกคนหลงทางไปเหมือนแกะ ต่างคนต่างหันไปตามทางของตนเอง และพระยาห์เวห์ทรงวางความผิดบาปของเราทุกคนลงบนตัวท่าน ท่านถูกบีบบังคับและถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปากเหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่าและเหมือนแกะที่เป็นใบ้ต่อหน้าผู้ตัดขนของมันเช่นใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยเช่นนั้น ท่านถูกนำตัวไปด้วยการบังคับและการตัดสิน และคนในยุคสมัยของท่านนั้น มีใครเล่าที่คิดว่า ที่ท่านถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็นนั้น ที่ท่านถูกตีนั้นเพราะการทรยศของชนชาติของข้าพเจ้า และเขาจัดหลุมศพของท่านไว้กับคนอธรรม และเขาจัดท่านไว้กับเศรษฐีในความตายของท่าน แม้ว่าท่านไม่ได้ทำการทารุณใดๆ และไม่มีการหลอกลวงใดๆ ในปากของท่าน …..”  

พระเยซูคริสต์ทรงทราบว่าพระองค์ต้องรับความทรมานและการตาย น่าละอายเป็นที่สาปแช่ง แต่กระนั้นพระองค์มิได้ถอดใจ พระองค์ทรงเข้าสู่ลานประหารด้วยความกล้าหาญ พระองค์ไม่ได้จนตรอก พระองค์ทรงทราบแผนการของพระบิดา พระองค์เต็มพระทัยที่จะทำตามพระทัยพระบิดา พระองค์ตรัสไว้ว่า “ไม่มีใครชิงชีวิตไปจากเราได้ แต่เราสละชีวิตตามที่เราตั้งใจเอง เรามีสิทธิอำนาจที่จะสละชีวิตนั้น และมีสิทธิอำนาจที่จะรับคืนมาอีก….” (ยอห์น 10:18) ในสายตามนุษย์นี่เป็นความอัปยศ พ่ายแพ้ เป็นจุดจบที่ล้มเหลว แต่สำหรับพระองค์นี่คือเส้นชัยที่ต้องไปให้ถึง แม้ว่าต้องพบเจออุปสรรคมากมาย นับตั้งแต่พระองค์เสด็จเข้ามาในโลกในสภาพมนุษย์ สภาพทาสที่จำกัด ตกอยู่ในสภาวะแวดล้อมของความบาป คนบาป ตกอยู่ในอันตรายตั้งแต่เกิด ระหกระเหิน (มัทธิว 2:13-23) เจริญวัยขึ้นทำงานหนักในอาชีพช่างไม้ พบการทดลองใจ (มัทธิว 4:1-17) การถูกเข้าใจผิดจากครอบครัว จากเพื่อน การข่มเหง ร้องไห้ พระองค์ผิดหวัง ถูกหักหลัง ถูกจับ ถูกสอบสวน โบยตี ถูกถ่มน้ำลายรด ถูกเยาะเย้ย เปลื้องผ้า ถูกสวมมงกุฏหนาม ถูกตรึง หอกแทงสีข้าง และสิ้นพระชนม์ ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ได้เชื่อฟังพระบิดาจนถึงที่สุด ผู้เขียนฮีบรูกล่าวไว้ใน ฮีบรู 4:15 ไว้ว่า “เพราะว่าเราไม่ได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถเจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ทรงเคยถูกทดลองใจเหมือนเราทุกอย่าง ถึงกระนั้นพระองค์ ก็ยังปราศจากบาป” พระเยซูคริสต์พระองค์ถึงเส้นชัย ที่กางเขนนั้นทำให้แผนการทรงไถ่สำเร็จ และครบถ้วนเมื่อพระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นจากความตายในวันที่สาม พระองค์ทรงเป็นผู้พิชิต มีชัยชนะเหนือความตาย ด้วยการเชื่อฟังของพระองค์นั้น พระเจ้าได้ทรงมอบเกียรติสูงสุด อาจารย์เปาโลยืนยันว่า  “เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงยกพระองค์ขึ้นสูงสุด และประทานพระนามเหนือนามทั้งหมดแก่พระองค์ เพื่อที่ว่าเพราะพระนามของพระเยซูนั้น ทุกชีวิตในสวรรค์ บนแผ่นดินโลกและใต้พื้นแผ่นดินโลกจะคุกเข่าลงกราบพระองค์ และเพื่อที่ว่าทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา” (ฟิลิปปี 2:9-10)  

พระเยซูคริสต์เป็นผู้พิชิต ถึงเส้นชัย ได้รับรางวัล พระองค์ทรงแบ่งปัน ชัยชนะนี้แก่ผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์ ผู้เขียนฮีบรูหนุนใจเราในฮีบรู 11 ถึงเหล่าบรรพบุรุษแห่งความเชื่อตั้งแต่อาแบล เอโนค โนอาห์ อับราฮาม อิสอัค ยาโคบ โยเซฟ โมเสส ราหับ และคนอื่นๆ มากมาย โดยความเชื่อพวกเขาได้รับการรับรองจากพระเจ้า (ฮบ.11:39) ว่าจะได้รับสิ่งประเสริฐคือการไถ่ของพระเยซูคริสต์ เช่นเดียวกับผู้เชื่อและเราในปัจจุบัน พวกเขาล้วนเผชิญ ผจญสถานการณ์แห่งชีวิตในโลกที่เต็มด้วยความบาปเช่นเดียวกับเราแต่ยังยึดความเชื่อไว้แน่น เข้าถึงเส้นชัย ผู้เขียนฮีบรูจึงยืนยันกับเราว่า “เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายที่อยู่รอบข้างอย่างนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่และบาปที่เกาะแน่น  ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา  โดยจับตามองที่พระเยซูผู้เบิกทางความเชื่อและผู้ทรงทำให้ความเชื่อนั้นสมบูรณ์ พระองค์ทรงสู้ทนต่อกางเขนเพื่อความยินดีที่อยู่ต่อหน้าพระองค์ ทรงถือว่าความอับอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญและพระองค์ประทับเบื้องขวาพระที่นั่งของ พระเจ้า ท่านทั้งหลายจงคิดถึงพระองค์ผู้ทรงยอมทนต่อการคัดค้านของคนบาป เพื่อท่านจะไม่อ่อนล้าและไม่ท้อใจ ในการต่อสู่กับบาปนั้น” (ฮีบรู 12: 1-3) 

ขอพระเจ้าเพิ่มพูนความเชื่อไว้วางใจในพระองค์ให้แก่เราทั้งหลายมากยิ่งขึ้น ขอองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตกับเรากระทำการของพระองค์ในชีวิตเราตามพระประสงค์ ขอพระคุณของพระองค์โอบอุ้มเราไว้ ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใดก็ตาม ให้เรามีกำลัง ปัญญา สันติสุข และความหวัง ยืนหยัด มั่นคง มีชีวิตแบ่งปันพระพร ประกาศความรัก ความรอดตามพระประสงค์
ให้เราได้ถึงเส้นชัยเช่นเดียวกับพระองค์ 

 

หัวข้อธิษฐาน 

  1. ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงสถิตอยู่ด้วย ประทานพระเยซูคริสต์เป็นผู้ไถ่ผู้ประทานชัยชนะเหนือความตายแก่เรา
  2. ทูลขอกำลังในการดำเนินชีวิตติดสนิท ติดตามแบบอย่างขององค์พระเยซูคริสต์
  3. เผื่อผู้เชื่อในการประกาศข่าวดีด้วยความกล้าหาญ และชื่นชมยินดี
Hot industry news & trends

More useful articles