( สัปดาห์ที่ 2 : รู้คิด )
จันทร์ที่ 10 – อาทิตย์ที่ 16มีนาคม 2025
กดเพื่อฟัง>> เสียงบทภาวนา “รู้คิด”
ข้อพระคัมภีร์สำหรับการใคร่ครวญ
- จันทร์ที่ 10 มีนาคม 2025 : : ลูกา 14 : 25 – 33 (ราคาของการเป็นสาวก)
- อังคารที่ 11 มีนาคม 2025 : : โยบ 1 (จากพระเจ้า สู่พระเจ้า)
- พุธที่ 12 มีนาคม 2025 : : สดุดี 139 (พระเจ้ายิ่งใหญ่)
- พฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2025 : : บทเพลงคร่ำครวญ 3 : 1 – 26 (หวนคิดขึ้นมาได้)
- ศุกร์ที่ 14 มีนาคม 2025 : : 2 โครินท์ 9 : 7 – 11 (พระคุณในความอ่อนแอ)
- เสาร์ที่ 15 มีนาคม 2025 : : 1 เปโตร 3 : 8 – 18 (รักษาความดีท่ามกลางความทุกข์)
- อาทิตยืที่ 16 มีนาคม 2025 : : 1 เปโตร 4 : 12 – 19 (รับมือความทุกข์อย่างคริสตชน)
ความทุกข์ยากลำบาก หรือปัญหาเป็นสิ่งที่เราต้องพบเจออยู่เสมอ สภาพร่างกายที่เปราะบางและเสื่อมถอยตามวัยที่มากขึ้น หรืออุบัติเหตุ
เหตุที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด นำความเจ็บ ความป่วยมาให้ ถ้อยคำของคนรอบข้าง การกระทำของผู้คนในสังคมที่ทำร้ายซึ่งกันและกัน
ทำให้จิตใจกระทบกระเทือน เจ็บปวด และยังมีสารพัดปัญหาต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิต การงาน ในชุมชนและโลก รวมทั้งจิตวิญญาณที่สับสน
แสวงหาต้องการพบความหมาย คุณค่าของการมีชีวิตและความปลอดภัยเมื่อตายจากโลกนี้ไป
โยบกล่าวถึงความจริงนี้ว่า “มนุษย์ที่เกิดมาโดยผู้หญิงก็อยู่แต่น้อยวัน และเต็มไปด้วยความยุ่งยากใจ
เขาออกมาเหมือนดอกไม้แล้วก็เหี่ยวแห้งไป เขาหายไปอย่างเงาและไม่ยืนยงคงอยู่”
โยบ 14:1-2
นักปรัชญากรีกสำนักสโตอิกคนหนึ่งกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า“เราต่างทุกข์ทรมานในจินตนาการมากกว่าทุกข์ทรมานในความเป็นจริง”
Lucius Annaeus Seneca
เราดำเนินชีวิตท่ามกลางความทุกข์อย่างไร? เราจะรับมือกับสถานการณ์ที่เจ็บปวดอย่างไม่คาดคิด หรือควบคุมไม่ได้อย่างไร?
ความเชื่อและศาสตร์ต่าง ๆได้นำเสนอวิธีการมากมาย หนึ่งในการรับมือกับความทุกข์คือการมีความทรหดอดทน
มันประกอบกันทั้งความอดทน อดกลั้นใจ ความมุ่งมั่น พากเพียรอุตสาหะ ความทรหดอดทนจะทำให้เรารับมือกับความทุกข์
ปัญหาได้ดี แต่อย่างไรก็ตามความทรหดอดทนด้วยความตระหนักรู้ (รู้คิด) จะรับมือ จัดการได้ดีกว่า
เราจำเป็นต้องตระหนักรู้ในเรื่องใด?
- ไม่ว่าใครต้องพบกับความทุกข์
ไม่เว้นแม้แต่คริสเตียน ในพระกิตติคุณเราพบว่าพระเยซูทรงเตือนสาวกของพระองค์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า
เมื่อตัดสินใจเดินตามพระองค์ ความทุกข์และปัญหา ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พระองค์เองก็ต้องเผชิญเช่นกัน
พระองค์ตรัสว่า “บุตรมนุษย์ (พระองค์เอง) ไม่มีที่จะวางศีรษะ” (มัทธิว 8:20)
และที่ทรงตรัสว่า “เราส่งท่านไปดุจฝูงแกะท่ามกลางฝูงหมาป่า” (มัทธิว 10:16) หมายความว่าบรรดาผู้ที่ติดตามพระองค์จะเผชิญการต่อต้าน
พระองค์ก็ตรัสอีกว่า“เรานำดาบมา ไม่ใช่นำสันติภาพ” (มัทธิว 10:34) หมายความว่าข่าวประเสริฐจะทำให้เกิดการแตกแยก
ระหว่างผู้เชื่อกับโลกและทรงสอนว่า ก่อนติดตามพระองค์ต้องคิดให้ดี เพราะการเป็นสาวกมีราคาที่ต้องจ่าย (ลูกา 14:28)
และอาจารย์เปาโลเองก็ยืนยันว่า “บรรดาผู้ที่ปรารถนาจะดำเนินชีวิตตามพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะต้องถูกข่มเหง” (2 ทิโมธี 3:12)
และชัดเจนที่สุดคือที่สวนเกธเสมนีและกางเขนนั้น พระเยซูทรงรับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสและสิ้นพระชนม์ก็เป็นประจักษ์พยานที่ชัดเจน
ว่ามนุษย์เราไม่อาจหนีพ้นความทุกข์ยาก แต่หลายครั้งเราไม่ตระหนัก - เข้าใจมุมมองของพระเจ้าเกี่ยวกับความทุกข์ที่เกิดขึ้น
เราเชื่อวางใจในพระเจ้าว่าทุกสิ่ง (ทั้งที่ดีและไม่ดี) ที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นสิ่งที่พระเจ้าอนุญาต โลกมองว่าความทุกข์ยาก เป็นสิ่งเลวร้าย
ต้องหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด แต่ก็มีบางคนก็มองความทุกข์เป็นเครื่องขัดเกลาชีวิต พระคัมภีร์ให้มุมมองที่ชัดเจนว่า
ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเติบโต (ยากอบ 1:2-4) อาจารย์เปาโลกล่าวว่า “ยิ่งกว่านั้นอีกเราก็ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย
เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้นทำให้เกิดความทรหดอดทน และความทรหดอดทน ทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้…..โรม 5:3-4
พระเจ้าทรงใช้ทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีเพื่อให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จได้ (โรม 8:28) บทเรียนจากชีวิตโยเซฟที่ต้องระหกระเหินจากบ้าน
ถูกขายเป็นทาส ถูกใส่ร้าย ถูกขัง แต่ในที่สุดได้รับการยกขึ้นสูงรองจากฟาโรห์เท่านั้น และที่สุดได้ช่วยเหลือครอบครัวที่พรากจากมานั้นให้อยู่รอด
ตั้งรกรากได้อย่างปลอดภัยในแผ่นดินอียิปต์ ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ครั้งหนึ่งสาวกถามพระเยซูว่า คนตาบอดแต่กำเนิดนั้น ใครทำบาป
พ่อแม่หรือเขาทำ จึงเกิดมาตาบอด พระองค์ตอบว่า “ไม่ใช่คนนี้หรือพ่อแม่ของเขาที่ทำบาป แต่เขาเกิดมาตาบอดเพื่อให้พระราชกิจ
ของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา…” (ยอห์น 9:3) สำหรับมนุษย์ไม่มีสิ่งใดดีหรือสวยงาม หรือใช้ได้ แต่สำหรับพระเจ้า
ท่ามกลางความทุกข์หรือปัญหา พระองค์เปลี่ยนขี้เถ้า (ความโศกเศร้า) เป็นความชื่นบาน (ความยินดี) ได้
เปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ เปลี่ยนความตายให้เป็นชีวิตได้ - ตระหนักถึงความจริงของพระเจ้าและเชื่อวางใจ
สดุดี 139: 1-18 กล่าวถึงความจริงเกี่ยวกับพระลักษณะของพระเจ้าไว้อย่างชัดเจนว่าพระเจ้าทรงอำนาจยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง
และพระองค์ทรงสถิตทั่วทุกหนทุกแห่ง สดุดีกล่าวว่า
“1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงตรวจสอบข้าพระองค์และทรงรู้จักข้าพระองค์
2 เมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น พระองค์ทรงทราบพระองค์ทรงเข้าใจความคิดของข้าพระองค์ได้แต่ไกล
3 พระองค์ทรงตรวจตราวิถีและการนอนของข้าพระองค์และทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แม้ก่อนที่ลิ้นของข้าพระองค์จะพูดพระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้ว
5 พระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์อยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลังและวางพระหัตถ์บนข้าพระองค์
6 ความรู้อย่างนี้อัศจรรย์เกินข้าพระองค์สูงนักจนข้าพระองค์เอื้อมไม่ถึง
7 ข้าพระองค์จะไปไหนให้พ้นพระวิญญาณของพระองค์ได้? หรือข้าพระองค์จะหนีไปไหนให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์?
8 ถ้าข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ก็สถิตที่นั่น ถ้าข้าพระองค์จะทำที่นอนไว้ในแดนคนตาย พระองค์ทรงอยู่ที่นั่น
9 ถ้าข้าพระองค์จะบินไปไกลถึงที่ตะวันออกหรือถ้าข้าพระองค์อาศัยอยู่สุดขอบทะเลตะวันตก
10 แม้ที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์จะจูงข้าพระองค์และพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะฉวยข้าพระองค์ไว้
11ถ้าข้าพระองค์จะว่า “ความมืดจะบังข้าไว้แน่ทีเดียวและความสว่างรอบข้าจะเป็นกลางคืน”
12 สำหรับพระองค์ แม้ความมืดก็ไม่มืดกลางคืนก็สว่างอย่างกลางวันความมืดเป็นอย่างความสว่าง
13 เพราะพระองค์ทรงสร้างชิ้นส่วนภายในข้าพระองค์ พระองค์ทรงถักทอข้าพระองค์เข้าด้วยกันในครรภ์มารดา
14 ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์เพราะพระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์อย่างอัศจรรย์น่าครั่นคร้าม
บรรดาพระราชกิจของพระองค์อัศจรรย์ ข้าพระองค์ทราบดี
15 โครงร่างของข้าพระองค์ไม่ได้ถูกซ่อนไว้จากพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ถูกสร้างอยู่ในที่ลับลี้
ประดิษฐ์ขึ้นมา ณ ภายในที่ลึกแห่งโลก
16 พระเนตรของพระองค์เห็นข้าพระองค์ตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปทรง วันทั้งสิ้นที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้น
ถูกบันทึกไว้ในหนังสือของพระองค์ ตั้งแต่ยังไม่มีวันนั้นเลย
17 ข้าแต่พระเจ้า สำหรับข้าพระองค์แล้ว พระดำริของพระองค์ล้ำค่ายิ่ง รวมกันเข้าก็มากมายนักหนา
18 ถ้าข้าพระองค์จะนับพระดำรินั้นก็มากกว่าเม็ดทราย เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น ข้าพระองค์จะยังอยู่กับพระองค์”
แต่อย่างไรก็ตาม การเพียงแต่อ่าน เข้าใจและซาบซึ้งถึงความไพเราะของบทเพลงนี้ หรือเพียงแต่มีความรู้เกี่ยวกับมุมมองหนึ่งของพระเจ้าเกี่ยวกับความทุกข์
หรือเพียงแต่ตระหนักถึงความจริงเกี่ยวกับความทุกข์ยากในโลกนี้ เหล่านี้ไม่เพียงพอให้เราสามารถทรหดอดทนกับทุกข์ภัยได้ แต่การเชื่อวางใจในพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
เชื่อว่าพระองค์ทรงทราบหนทางชีวิต เชื่อว่าพระองค์ทรงสถิตอยู่ด้วยเสมอ ไม่ทอดทิ้ง และได้วางใจ วางอนาคต วางความหวัง
ความกังวลใจ ภาระ วางทุกสิ่งที่แบกอยู่นั้นให้พระองค์จะทำให้เราได้รับสันติสุข สติปัญญาและความหวังที่จะก้าวเดินต่อไป
ด้วยความทรหดอดทน ให้เราทำในส่วนของเรา พระเจ้าจะทรงทำในส่วนของพระองค์
หัวข้ออธิษฐาน
- ทูลขอพระเจ้าประทานพระปัญญา ความถ่อมใจและสันติสุข
เพื่อตระหนักถึงการดำเนินชีวิตในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยความทรหดอดทน - ทูลขอพระเมตตา การเปลี่ยนแปลง กำลัง และพระคุณ
เพื่อพี่น้องที่ทุกข์จากความเจ็บป่วย เจ็บปวดในความสัมพันธ์
เดือดร้อนทางเศรษฐกิจ และลำบากจากสภาพสังคม - เผื่อการจัดเตรียมการฉลองอีสเตอร์